ทำความสะอาดผ้าม่านอย่างถูกวิธี ให้ดูใหม่อยู่เสมอ

ทำความสะอาดผ้าม่านอย่างถูกวิธี ให้ดูใหม่อยู่เสมอ

“ผ้าม่าน” ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของบ้านที่ช่วยทั้งในด้านความสวยงามและการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการบังแสงแดด ลดความร้อน ป้องกันฝุ่นจากภายนอก หรือช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้ผู้อยู่อาศัย แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผ้าม่านที่เคยสวยสะอาดอาจเริ่มหม่นหมอง มีกลิ่นอับ หรือสะสมฝุ่นละอองจนส่งผลต่อสุขภาพของคนในบ้านได้ หากไม่ได้รับการดูแลอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้น การทำความสะอาดผ้าม่าน อย่างถูกวิธีจึงเป็นสิ่งจำเป็น ไม่เพียงช่วยยืดอายุการใช้งานของผ้าเท่านั้น แต่ยังทำให้บ้านดูสะอาด สดชื่น และสบายตาอยู่เสมอ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักวิธีทำความสะอาดผ้าม่านในรูปแบบต่าง ๆ พร้อมเทคนิคการดูแลเฉพาะตามชนิดของผ้า รวมถึงคำแนะนำในการป้องกันคราบและฝุ่น เพื่อให้ผ้าม่านของคุณดูใหม่เหมือนเพิ่งติดตั้งอยู่เสมอ  

ทำความสะอาดฝุ่นเกาะม่าน

เหตุผลที่ควรทำความสะอาดผ้าม่านอย่างสม่ำเสมอ

หลายคนอาจมองข้าม การทำความสะอาดผ้าม่าน เพราะคิดว่า ผ้าม่านอยู่สูง ไม่ได้สัมผัสบ่อยเหมือนโซฟาหรือเตียงนอน แต่ในความเป็นจริง ผ้าม่านเป็นหนึ่งในจุดที่สะสมฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้มากที่สุด โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่มีฝุ่นควันจากถนนและมลภาวะต่าง ๆ เมื่อผ้าม่านสกปรก สิ่งที่ตามมาคือปัญหาสุขภาพ เช่น ภูมิแพ้ คัดจมูก หรือระคายเคืองผิวหนัง

นอกจากนี้ ผ้าม่านที่ไม่ได้ทำความสะอาดนาน ๆ ไม่ว่าจะเป็นผ้าม่านแบบธรรมดา หรือม่านม้วน ก็อาจเกิดคราบเหลือง กลิ่นอับ หรือเชื้อราได้ โดยเฉพาะในบริเวณที่มีความชื้นสูง เช่น ห้องน้ำหรือห้องครัว ซึ่งความชื้นและฝุ่นเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เนื้อผ้าเสื่อมสภาพเร็วขึ้น การละเลยไม่ทำความสะอาดเป็นเวลานาน นอกจากจะทำให้ผ้าม่านดูหมองและเก่าแล้ว ยังอาจทำให้กลไกของม่าน เสียหายจากฝุ่นที่เกาะตามรางและแกนหมุนได้ด้วย ดังนั้น การทำความสะอาดผ้าม่านทุก ๆ 3–6 เดือน จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการดูแลให้ผ้าม่านสะอาด ปราศจากฝุ่น และยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานขึ้น

การเตรียมตัวก่อนทำความสะอาดผ้าม่าน

ก่อนเริ่มทำความสะอาดตัวผ้าม่าน ควรเตรียมอุปกรณ์และตรวจสอบลักษณะของผ้าให้ดี เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมและไม่ทำให้เนื้อผ้าเสียหาย

1. ตรวจสอบป้ายคำแนะนำการซักผ้าม่าน

ก่อนซักผ้าม่าน ควรอ่านป้ายคำแนะนำการซักที่เย็บไว้ด้านหลัง เพื่อดูว่าซักน้ำได้หรือควรซักแห้งเท่านั้น เพราะผ้าม่านแต่ละชนิดมีวิธีดูแลต่างกัน การละเลยอาจทำให้ผ้าเสียทรงหรือสีซีด การตรวจสอบล่วงหน้าช่วยป้องกันความเสียหายและยืดอายุการใช้งานของผ้าม่านได้

2. เตรียมอุปกรณ์ทำความสะอาด

ควรเตรียมเครื่องดูดฝุ่นหัวแปรงนุ่ม ถุงซักผ้า น้ำยาซักผ้าอ่อนโยน หรือน้ำยาซักแห้งแบบสเปรย์ รวมถึงผ้าชุบน้ำและบันไดเล็กสำหรับถอดผ้าม่าน การเตรียมอุปกรณ์ให้ครบช่วยให้ทำความสะอาดได้สะดวก ปลอดภัย และลดโอกาสที่ผ้าจะเสียหายระหว่างทำความสะอาด

3. ถอดผ้าม่านอย่างระมัดระวัง

ถอดผ้าม่านอย่างช้า ๆ โดยจับตรงตะขอหรือห่วงแขวน หลีกเลี่ยงการดึงแรงเพราะอาจทำให้ผ้าฉีกหรือห่วงหลุดจากราง หากผ้าม่านใหญ่ ควรมีคนช่วยจับด้านล่างเพื่อป้องกันการลากพื้นและยับง่าย หลังถอดควรวางเรียบเพื่อเตรียมซักต่อไป

วิธีทำความสะอาดผ้าม่านแต่ละประเภท

ผ้าม่านแต่ละชนิดมีเนื้อผ้าและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน จึงต้องใช้วิธีทำความสะอาดผ้าม่าน ที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้ผ้าเสียหาย ดังนี้

  • ผ้าม่านเนื้อบาง เช่น ผ้าม่านโปร่ง ผ้าม่านประเภทนี้มักทำจากโพลีเอสเตอร์หรือไนลอน จึงสามารถซักด้วยเครื่องได้ แต่ควรใส่ในถุงซักผ้าเพื่อป้องกันการเกี่ยวขาด ใช้น้ำเย็นหรือน้ำอุณหภูมิห้องและน้ำยาซักสูตรอ่อนโยน หลังซักควรตากในที่ร่มให้แห้งสนิท
  • ผ้าม่านเนื้อหนา เช่น ผ้าม่านกันแสง (Blackout) เนื้อผ้าประเภทนี้มักเคลือบด้วยสารกันแสง ทำให้ไม่ควรซักน้ำบ่อย ๆ เพราะจะทำให้สารเคลือบหลุดออก ควรใช้วิธีดูดฝุ่นเป็นประจำ และใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดคราบเฉพาะจุด หากจำเป็นต้องซัก ควรส่งร้านซักแห้งที่มีความชำนาญ
  • ผ้าม่านผ้าฝ้ายหรือผ้าลินิน ผ้าม่านประเภทนี้ซักได้ด้วยมือหรือตู้ซักผ้า แต่ควรเลือกโปรแกรมซักแบบถนอมผ้า หลีกเลี่ยงการปั่นแรง และไม่ควรตากแดดจัด เพราะจะทำให้สีซีด
  • ผ้าม่านไหมหรือกำมะหยี่ เป็นผ้าที่ต้องการความละเอียดอ่อนสูง ไม่ควรซักน้ำเด็ดขาด เพราะจะเสียรูปและเสียสัมผัสของผ้า ควรใช้บริการซักแห้งเท่านั้น หรือใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดเบา ๆ เพื่อขจัดฝุ่นออก
ดูแลม่านให้ยังดูใหม่

ขั้นตอนการทำความสะอาดผ้าม่านด้วยตัวเอง

แม้จะมีร้านรับซักผ้าม่านอยู่มากมาย แต่การรู้วิธีทำความสะอาดด้วยตนเองก็ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและสามารถทำได้บ่อยขึ้น โดยมีขั้นตอนดังนี้

1. ดูดฝุ่นก่อนซัก

ก่อนจะเริ่มซักหรือเช็ดผ้าม่าน ควรใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดผิวผ้าให้ทั่วทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เพื่อขจัดฝุ่นละอองที่สะสมอยู่ โดยเฉพาะบริเวณขอบบนและล่างของผ้าม่านซึ่งมักมีฝุ่นเกาะมากที่สุด แนะนำให้ใช้หัวแปรงแบบขนนุ่มหรือหัวดูดเฉพาะสำหรับผ้า เพื่อป้องกันไม่ให้เนื้อผ้าเสียหายหรือเกิดรอยขีดข่วน นอกจากนี้ ควรดูดฝุ่นบริเวณรางม่านและตะขอแขวนร่วมด้วย เพื่อป้องกันฝุ่นกลับมาติดหลังซักเสร็จ

2. ซักผ้าม่าน

หากผ้าม่านของคุณเป็นผ้าที่สามารถซักน้ำได้ ควรเริ่มด้วยการแช่ในน้ำผสมผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้าสูตรอ่อน ประมาณ 10–15 นาที เพื่อช่วยให้คราบและฝุ่นละลายออกได้ง่ายขึ้น จากนั้นซักเบา ๆ ด้วยมือ หรือใช้โหมดซักผ้าชนิดถนอมผ้าในเครื่องซักผ้า หลีกเลี่ยงการบิดแรง เพราะอาจทำให้ผ้าเสียทรงหรือรอยเย็บหลุดได้ ส่วนผ้าม่านที่มีซับใน ควรถอดซักแยกกัน เพื่อให้ทำความสะอาดได้ทั่วถึงและป้องกันการเสียรูป

3. ตากในที่ร่ม

หลังซักเสร็จควรนำผ้าม่านไปตากในที่อากาศถ่ายเทดี เช่น บริเวณระเบียงหรือในร่มที่มีแสงแดดอ่อน ๆ ไม่ควรตากกลางแดดจัด เพราะแสงแดดแรงสามารถทำให้สีของผ้าม่านซีดจางเร็วขึ้น และอาจทำให้เนื้อผ้าแข็งหรือกรอบ โดยเฉพาะผ้าม่านที่มีส่วนผสมของเส้นใยสังเคราะห์ สำหรับผ้าม่านกันแสงหรือผ้าม่านเคลือบ ควรตากในแนวราบหรือตากด้วยไม้แขวนใหญ่ เพื่อป้องกันการย่นหรือรอยพับถาวร

4. รีดหรืออบให้เรียบ

เมื่อผ้าม่านแห้งสนิทแล้ว ควรรีดด้วยไฟอ่อนเพื่อให้เนื้อผ้ากลับมาเรียบและดูสวยงามเหมือนใหม่ การรีดผ้าม่านควรทำจากด้านในของผ้า หรือใช้ผ้ารองรีดอีกชั้นหนึ่งเพื่อป้องกันความร้อนสัมผัสโดยตรง โดยเฉพาะในผ้าม่านชนิดกันแสงหรือผ้าม่านเคลือบ ซึ่งอาจละลายหรือเป็นรอยได้ง่าย หากไม่สะดวกรีดเอง สามารถนำไปอบไอน้ำหรือตากในห้องที่มีไอน้ำอุ่น เพื่อให้ผ้ายืดตัวและลดรอยยับได้ดีเช่นกัน

5. ติดตั้งกลับเข้าที่

ก่อนจะนำผ้าม่านที่ซักเสร็จและรีดเรียบแล้วกลับไปแขวน ควรเช็ดทำความสะอาดรางม่าน ตะขอ หรือวงแหวนให้สะอาดเสียก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้คราบฝุ่นหรือคราบสนิมไปเปื้อนผ้าม่านอีกครั้ง จากนั้นตรวจสอบความเรียบร้อยของรางม่านและอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้แน่ใจว่าแข็งแรงดี เมื่อแขวนเสร็จ ควรจัดจีบผ้าม่านให้เข้ารูปตั้งแต่แรก เพื่อให้ผ้าม่านดูเรียบสวยและเป็นระเบียบอยู่เสมอ

ทำความสะอาดผ้าม่านอย่างไรโดยไม่ต้องถอด ?

สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกถอดผ้าม่านบ่อย ๆ สามารถเลือกทำความสะอาดผ้าม่านแบบไม่ต้องถอดได้   ง่าย ๆ โดยเริ่มจากใช้เครื่องดูดฝุ่นหัวแปรงขนนุ่มดูดฝุ่นจากบนลงล่างสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อลดการสะสมของฝุ่น จากนั้นใช้สเปรย์ทำความสะอาดสำหรับผ้าม่านฉีดพ่นแล้วเช็ดเบา ๆ เพื่อขจัดคราบและกลิ่นอับ หากเป็นผ้าม่านเนื้อหนาหรือมีสารเคลือบ ควรใช้เครื่องพ่นไอน้ำร้อนช่วยฆ่าเชื้อและกำจัดไรฝุ่นโดยไม่ต้องถอดออกจากราว สะดวกและรักษาความสะอาดได้ต่อเนื่อง

ซักม่านยังไง

ความถี่ในการการดูแลรักษาผ้าม่านที่เหมาะสม

การทำความสะอาดผ้าม่าน ไม่จำเป็นต้องทำบ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้ผ้าเสื่อมสภาพได้ แต่ควรแบ่งเป็น 2 ระดับ ได้แก่

  • การทำความสะอาดเบื้องต้น: เช่น การดูดฝุ่น ควรทำทุกสัปดาห์
  • การซักใหญ่หรือซักแห้ง: ควรทำทุก 3–6 เดือน

หากบ้านอยู่ใกล้ถนนใหญ่หรือมีสัตว์เลี้ยง ควรเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดมากขึ้น เพราะฝุ่นและขนสัตว์มักติดผ้าม่านได้ง่าย

เทคนิคขจัดคราบและกลิ่นอับบนผ้าม่าน

ผ้าม่านบางประเภท โดยเฉพาะในห้องครัวหรือห้องน้ำ มักมีกลิ่นอับและคราบมัน การดูแลเฉพาะจุดจึงสำคัญมาก

  • คราบน้ำมันหรือควัน ให้ผสมเบกกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะกับน้ำอุ่น จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดบริเวณคราบ แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
  • กลิ่นอับ ผสมส้มสายชูขาวกับน้ำในอัตราส่วน 1:1 แล้วฉีดพ่นบาง ๆ บนผ้าม่าน ทิ้งไว้ให้แห้ง จะช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ดี
  • คราบเหลือง ใช้น้ำมะนาวผสมเบกกิ้งโซดาเล็กน้อยแล้วทาบริเวณคราบ ทิ้งไว้ 10 นาที จากนั้นซักออกตามปกติ

เคล็ดลับยืดอายุผ้าม่านให้ดูใหม่เสมอ

นอกจากการทำความสะอาดผ้าม่านอย่างสม่ำเสมอแล้ว การดูแลระหว่างใช้งานก็สำคัญไม่แพ้กัน ควรเลื่อนผ้าม่านบ่อย ๆ เพื่อป้องกันรอยย่น หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรงเพราะรังสี UV ทำให้สีซีด และเลือกใช้รางม่านที่แข็งแรงเพื่อลดโอกาสฉีกขาด ควรใช้สเปรย์กันฝุ่นช่วยลดการเกาะของฝุ่น และหมั่นดูดฝุ่นบริเวณหน้าต่างกับตัวผ้าม่านเป็นประจำ เพื่อให้ผ้าม่านสะอาด สดใส และคงความสวยงามได้ยาวนาน

ซักผ้าม่าน

ทำความสะอาดผ้าม่านอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสุขภาพและความสวยงามของบ้าน

การทำความสะอาดผ้าม่าน ไม่ได้เป็นเพียงการดูแลเรื่องความสะอาด แต่ยังเป็นการรักษาสุขภาพของคนในบ้านให้ห่างไกลจากฝุ่น เชื้อรา และไรฝุ่น ผ้าม่านที่สะอาดจะช่วยให้บรรยากาศภายในบ้านสดใสและดูใหม่อยู่เสมอ อีกทั้งยังช่วยยืดอายุผ้าให้ใช้งานได้นานขึ้น ไม่ว่าผ้าม่านของคุณจะเป็นแบบโปร่ง ผ้าฝ้าย ผ้าไหม หรือกันแสง การเลือกวิธีทำความสะอาดที่เหมาะสมจะช่วยให้ผ้าม่านยังคงความสวยงามได้อย่างยาวนาน หากไม่มีเวลาหรือกังวลเรื่องความเสียหาย ก็สามารถใช้บริการซักผ้าม่านจากมืออาชีพได้เช่นกัน

หากคุณกำลังมองหาม่านคุณภาพสูงที่ทั้งสวยและใช้งานได้ยาวนาน เลือกชมสินค้าคุณภาพจากได้เลยที่  Ocean New Design เราเชี่ยวชาญด้านการติดตั้งม่านหลากหลายประเภททั้ง ผ้าม่านคุณภาพ ม่านม้วนกันแดด มู่ลี่ไม้ที่มีสไตล์ และมุ้งจีบที่แข็งแรง สามารถเลือกชมสินค้า และปรึกษาการติดตั้งกับเราได้เลยตอนนี้ !

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับทำความสะอาดผ้าม่าน

โดยทั่วไป ควรทำความสะอาดผ้าม่าน อย่างน้อยทุก 3–6 เดือน เพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่นและไรฝุ่นที่อาจก่อให้เกิดภูมิแพ้ หากบ้านอยู่ติดถนนใหญ่หรือมีสัตว์เลี้ยง ควรเพิ่มความถี่เป็นทุก 2–3 เดือน การดูดฝุ่นเป็นประจำทุกสัปดาห์จะช่วยยืดระยะเวลาการซักใหญ่ให้นานขึ้น และทำให้ผ้าม่านดูสะอาดเหมือนใหม่อยู่เสมอ

ผ้าม่านเนื้อบาง เช่น ผ้าม่านโปร่ง หรือผ้าฝ้าย สามารถซักน้ำได้โดยใช้โปรแกรมถนอมผ้าและน้ำยาซักสูตรอ่อนโยน ส่วนผ้าม่านเนื้อหนาอย่างผ้า Blackout หรือผ้าไหม ควรใช้วิธีซักแห้งเท่านั้น เพราะการซักน้ำอาจทำให้ผ้าเสียรูป สีซีด หรือเคลือบสารกันแสงหลุดออก ดังนั้นก่อนซักควรตรวจสอบป้ายคำแนะนำการดูแลทุกครั้ง

สำหรับผู้ที่อยู่คอนโดหรือบ้านที่มีราวม่านสูง สามารถทำความสะอาดผ้าม่านแบบไม่ต้องถอดได้ โดยใช้เครื่องดูดฝุ่นหัวแปรงขนนุ่มดูดฝุ่นจากบนลงล่าง สัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือใช้สเปรย์ทำความสะอาดผ้าม่านเช็ดคราบเฉพาะจุด นอกจากนี้ เครื่องพ่นไอน้ำ (Steam Cleaner) ยังช่วยฆ่าเชื้อและกำจัดไรฝุ่นได้โดยไม่ต้องซักหรือถอดออกจากราว

หากผ้าม่านมีกลิ่นอับ ควรเริ่มจากการดูดฝุ่นและเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทดีขึ้น จากนั้นผสมส้มสายชูขาวกับน้ำในอัตรา 1:1 ฉีดพ่นบาง ๆ บนผ้าม่าน แล้วปล่อยให้แห้งตามธรรมชาติ หรือใช้เบกกิ้งโซดาโรยทิ้งไว้ข้ามคืนก่อนดูดออกก็ช่วยลดกลิ่นได้เช่นกัน การหมั่นทำความสะอาดและหลีกเลี่ยงความชื้นจะช่วยให้ผ้าม่านไม่มีกลิ่นอับในระยะยาว

เคล็ดลับสำคัญคือ ทำความสะอาดผ้าม่านอย่างสม่ำเสมอ และดูแลในชีวิตประจำวัน เช่น เลื่อนผ้าม่านเป็นประจำเพื่อป้องกันรอยพับ หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรงที่ทำให้สีซีด ใช้รางม่านแข็งแรงเพื่อไม่ให้ผ้าฉีกขาด และฉีดสเปรย์กันฝุ่นเป็นระยะ ๆ นอกจากนี้ ควรดูดฝุ่นบริเวณหน้าต่างและผ้าม่านทุกสัปดาห์ เพื่อให้ผ้าม่านสะอาด สดใส และดูเหมือนใหม่อยู่ตลอดเวลา

Share Article: